กินสมดุลด้วยหยิน-หยาง
ทุกชาติทุกภาษามีหลักในการกินมาแต่โบราณตามลักษณะร่างกายของคนในท้องถิ่นนั้น ตามภูมิอากาศ ตามพืชพรรณธัญญาหารที่งอกที่ขึ้นมาให้เก็บเกี่ยว แล้วเราก็เลือกกินเอาตามที่สมดุลต่อร่างกายเรา
เพราะการที่ร่างกายสมดุลดี แปลว่าไม่มีการเจ็บไข้ได้ป่วย
ทั้ง ๆ ที่เรื่องการเกิด แก่ เจ็บ และตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เรื่องเจ็บป่วย นั้นยังเป็นเรื่องที่เราพอจะดูแลตนเองได้ ใช้สอยร่างกายให้พอควร ทะนุบำรุง รักษาบ้างก็คงจะพอทุเลาจากป่วยมากไปป่วยน้อย หรือจากป่วยน้อยกลายเป็นไม่ป่วยได้
เรื่องอาหารการกินจึงเป็นเรื่องใกล้ๆ ตัวเราที่พอจะจัดการเองได้ และศาสตร์อย่างหนึ่งของคนจีนโบราณก็คือการกินแบบเต๋า ที่แม้แต่แมคโคไบโครติกส์ ก็นำเอาหลักการกินแบบนี้มาใช้ในเรื่องการกินร้อน- กินเย็น หรือหยิน-หยาง
เต๋าให้ความสำคัญกับธรรมชาติเป็นที่สุด และจัดแบ่งอาหารที่เรากินว่า มีผลกระทบต่อร่างกายเราอย่างไรบ้าง โดยแบ่งเป็นกินแล้วร้อน (หยาง ) กินเย็น (หยิน ) และเป็นกลางๆ เต๋าเชื่อว่าการกินอะไรเข้าไปจะมีผลต่อร่างกายเรา เต๋าไม่เลือกที่จะต้องกินแต่ผัก เพราะเต๋ายังบอกว่าเนื้อสัตว์อะไร ชนิดไหน มีโทษต่อร่างกายของเราในเวลาไหน มีคุณประโยชน์อย่างไรถ้ากินให้ถูกเวลาด้วย เราจึงมักจะได้ยินว่าคนจีนให้กินอวัยวะของบสัตว์ชนิดเดียวกันกับอวัยวะของเราที่ป่วย เช่น กินกระดูกอ่อนหรือกินเอ็นหมู ถ้ากระดูกอ่อนและเอ็นไม่แข็งแรง เป็นต้น
เต๋าจึงเน้นเรื่องกินแล้วให้สมดุล ถ้าเราเป็นคนที่ข้างในร้อน ก็ควรกินเย็นเข้าไปแก้ ถ้าเราเป็นคนเย็นแล้วยังขืนดื่มน้ำผักผลไม้ปั่นตลอด หรือไม่ยอมกินเนื้อสัตว์เลย หรือไม่ชดเชยด้วยของที่กินแล้วร้อนอื่น ๆ ร่างกายจะยิ่งเย็นหนักแล้วก็ขาดสมดุล ผลสุดท้ายต้องเจ็บป่วยด้วยสาเหตุเราะร่างกายเย็นเกินไป
ดูร้อนดุเย็น เป็นเรื่องที่ถ้าจะดูให้ลึกซึ้งแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย ในฐานะที่เราเป็นคนธรรมดาที่อยากดูแลตนเองเท่านั้น ก็ขอบอกวิธีสังเกตร่างกายเราอย่างง่าย ๆ เอาไว้พอที่จะใช้วินิจฉัยได้ในขั้นต้นว่า ร่างกายของเราอยู่ในสถานะอย่างไร
ดูที่ลิ้น ทุกเช้า ลุกจากเตียงมาแล้ว ก่อนล้างหน้าแปรงฟันให้ยืนหน้ากระจก แลบลิ้นออกมาให้สุด ถ้าระบบเลือดของเราสมดุลดี ลิ้นจะมีสีชมพูสวย ถ้าร่างกายข้างในร้อน ลิ้นจะสีออกแดง และอาจมีฝ้าสีเหลือง ๆ ถ้าร่างกายเย็นไป ลิ้นจะมีสีชมพูซีด ๆ หรืออมสีม่วงอ่อน ๆ และมีฝ้าขาวติด
ดูที่ปัสสาวะ ปัสสาวะครั้งแรกเมื่อตื่นนอนสามารถบอกถึงสภาวะร้อนเย็นข้างในร่างกายเราได้ ปัสสาวะที่บอกว่าร่างกายเราสมดุลดีคือ สีเหลืองอ่อน ๆ ถ้าร่างกายข้างในร้อนมาก สีเหลืองก็จะเข้มมากขึ้น ถ้าเข้มจัดปนน้ำตาลหรือแดงยิ่งไม่ดี แถมยังมีกลิ่นแรงด้วย ถ้าเหลืองจางมาก ๆ จนเกือบขาวก็แปลว่าข้างในเย็นมาก แต่สีของปัสสาวะอาจมาจากการกินยาก็เป็นไปได้ ต้องดูเฉพาะเวลาที่เราไม่ได้กินยา
ดูที่อุจจาระ ถ้าเลือดของเราสมดุลดี คนจีนเขาว่าอุจจาระของเราต้องฟอร์มสวย เป็นก้อน ไม่อ่อนไม่แข็งเกินไป ถ้าข้างในร่างกายร้อนเกิน อุจจาระจะแข็งโป๊ก แห้ง และส่งกลิ่นตลบ บางทีอาจเป็นก้อนเล็ก ๆ เหมือนหินกรวด หรือที่เราเรียกว่าขี้แพะ แปลว่าธาตุไฟเผาพลาญความเย็นในตัวหมดจนแห้ง ถ้าร่างกายคุณเย็นเกินไป อุจจาระจะนิ่ม ไม่เป็นรูปร่าง บางที่ยังเห็นเศษอาหารที่กินเข้าไปเป็นชิ้นเล็ก ๆ อยู่ เรียกว่าธาตุไฟอ่อนแอจนย่อยไม่ดี
นอกจากดูที่สามอย่างนี้แล้ว เราต้องสังเกตร่างกายเองว่าเป็นอย่างไรบ้าง คนที่ร้อนเกินก็มักจะมีผิวแดงเรื่อ ตาขาวออกสีเหลืองหรือแดง ปากแดง มีสิวขึ้นที่ใบหน้า มีกลิ่นตัว ปากเหม็น เจ็บคอบ่อย ๆรู้สึกร้อนอยู่เรื่อย ๆ อากาศร้อนนิดก็ทนไม่ไหว ชอบดื่มของเย็น ๆ หรือน้ำแข็ง เคลื่อนไหวเร็ว ไม่ค่อยอยู่นิ่ง
ส่วนคนที่หน้าซีดเซียว ปากซีด เหนื่อยง่าย ไม่ชอบที่เย็น ขี้หนาว ชอบกินของอุ่น ๆ นอนต้องห่มผ้า จะเป็นคนที่ร่างกายเย็น
พอสังเกตดูสักพักจะรู้แล้วว่าเราเป็นคนร้อนหรือเย็น คราวนี้ก็ปรับเปลื่ยนอาหารที่เรากินให้มันสมดุลกับร่างกายของเสีย ร่างกายก็จะค่อย ๆ ปรับสมดุลไปเอง พอสมดุลดีเมื่อไร โรคก็หายไปเอง เป็นการดูแลรักษาตัวเองตามธรรมชาติ ไม่ไปฝืนมัน
หน้าที่เข้าชม | 181,570 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 125,828 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 ต.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 ส.ค. 2568 |