หย่อนสมรรถภาพทางเพศ เมื่อนกเขาไม่ขัน (ตอนที่ 2)
มะเขือเผา นกเขาหลับ ชีวโมเลกุลช่วยได้อย่างไร
เมื่ออายุเกิน 27 ปี สมองเริ่มมีอาการสูญเสียไปบางส่วนทำให้สมรรถภาพโดยรวมเริ่มถดถอย โดยเฉพาะต่อมใต้สมองจะผลิตโอร์โมนหนุ่มสาว (Growth hormone) และฮอร์โมนเพศลดลง ทำให้สมรรถภาพและความต้องการทางเพศอาจถดถอย
หลักการของชีวโมเลกุลคือ การใช้ “เซลซ่อมเซล” เพื่อให้เซลที่อ่อนปวกเปียกกลับมาทำหน้าที่ได้ใหม่ แม้อาจจะไม่เต็มร้อยเหมือนเดิม แต่ถ้าอยู่ในระดับ “ใช้งานได้” ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ
ชีวโมเลกุลที่นำมาใช้ใน ED มีหลายตัว เพราะต้องฟื้นฟูเจ้าน้องชายในแบบองค์รวมเช่น
เซลสมอง ไปซ่อมบำรุงสมอง เพื่อฟื้นคืนอารมณ์ความรู้สึก ความกระชุ่มกระชวย
เซลของต่อมใต้สมอง จะไปซ่อมต่อมใต้สมองให้สร้างฮอร์โมนหลายชนิดไปกระตุ้นอัณฑะให้สร้างฮอร์โมนเพศเทสโดสเทอโรนเพิ่มขึ้น
ฮอร์โมนเทสโตสเทอโรนเป็นตัวสำคัญในเรื่องสมรรถภาพความเป็นชายในการสร้างอสุจิ และการสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (ความล่ำบึ๊ก)
ส่วนเซลกล้ามเนื้อ ซึ่งมีส่วนของต่อมลูกหมาก และกล้ามเนื้อเฉพาะอวัยวะก็ไปซ่อมบำรุงต่อมฯ กล้ามเนื้อและหลอดเลือดให้แข็งแรงขึ้น
ยังมีเซลล์ของหลายๆ อวัยวะรวมกันอย่างละเล็กน้อยไปซ่อมบำรุงทุกส่วนของร่างกายให้สมบูรณ์ขึ้นพร้อมเพียงกัน เมื่อได้ชีวโมเลกุลครบทุกองค์ประกอบดังกล่าวก็น่าจะช่วยให้ท่านชายทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรงและแข็งเร็ว
ข้อเด่นของชีวโมเลกุล
การใช้ชีวโมเลกุลเป็นการหวังผลระยะยาว เพราะเมื่อเซลได้รับการฟื้นฟูให้แข็งแรงแล้ว ก็ย่อมใช้งานไปได้เรื่อยๆ หากรู้จักดูแลสุขภาพให้ดีและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ มิใช่ชั่วครั้งชั่วคราวเหมือนการกินยาปลุกนกเขา พอหมดฤทธิ์ยาก็เฉาไปอีก แต่ก็สามารถใช้ร่วมกับยาได้ เพราะช่วงที่ชีวโมเลกุลกำลังฟื้นฟูเซลล์ย่อมต้องใข้เวลา จึงอาจจะต้องพึ่งพายาในระยะนี้ไปก่อน ต่อเมื่อเจ้าน้องชายเริ่มรู้สึกคึกคักเองได้แล้ว ก็สามารถลดหรือเลิกใช้ยาได้
ดังนั้น ED รายที่น่าจะใช้ชีวโมเลกุล ได้ผลคือ
1 บรรดา สว.(สูงวัย) ทั้งหลาย ซึ่งสมรรถภาพและความต้องการทางเพศเริ่มถดถอย เนื่องจากความเสื่อมตามสัย
2 ED ที่เกิดจากความเครียด เซ็ง บุหรี่ เหล้า ขาดสารอาหาร พักผ่อนน้อย หากแก้ปัจจัยเหล่านี้ไปพร้อมกัน นกเขาก็คงขันได้เหมือนเดิม
3 ED ที่เกิดจากโรคทางร่างกายที่ไม่รุนแรง และเป็นมาไม่นาน เพราะเซลล์ต่างๆยังสามารถฟื้นฟูได้
อย่าลืมว่า 70% ของ ED เกิดจากโรคทางร่างกาย โดยเฉพาะโรคเบาหวานและหลอดเลือดแดงตีบ ดังนั้นจึงต้องรักษาโรคที่เป็นสาเหตุด้วย ซึ่งขีวโมเลกุลอีกมากมายที่มีบทบาทใน โรคเหล่านี้
ได้ผลทุกคนไหม
ขอยกตัวอย่างยาพาราเซตตามอล เราพิสูจน์ทราบแล้วว่าแก้ไข้ แต่ก็อาจมีบางคนที่ไม่หาย กรณีของขีวโมเลกุลก็เช่นกัน เราได้ก้าวข้ามคำถามว่าได้ผลหรือไม่ไปแล้ว เพียงแต่เรามาพิจารณาว่าทำไม บางรายจึงอาจไม่ได้ผล เช่นเหตุของตัวผลิตภัณฑ์ไม่มีคุณภาพ พื้นฐานของเซลล์ซ่อมเซล ยาหมดอายุ
การใช้ไม่ถูกวิธีเช่น เอาแบบอมใต้ลิ้นไปกลืนลงท้องหรือชนิดกลืนถูกนำมาเคี้ยวก็ถูกน้ำย่อยกระเพาะอาหารทำลายประสิทธิภาพไป แล้วเสาหลักหรือเซลล์เป้าหมายที่จะให้ซ่อมยังอยู่ไหม เหลือมากน้อยเพียงไร เพราะหากขาดเป้าหมายให้ซ่อม ก็ไม่รู้ไปซ่อมอะไร หากเซลล์เป้าหมายชำรุดไปมากมายก็คงต้องใช้เวลามากขึ้นหรือได้ไม่เต็มร้อย
ปัจจัยร่วมว่าสาระสำคัญไปสู่เป้าหมายได้หรือเปล่า เช่น หากเลือดหนืดข้น นำอาหารไปไม่ได้ เช่น เบาหวารุนแรงเรื้อรังก็ต้องแก้ไขภาวะเบาหวานให้ดีก่อน หลอดเลือดที่ตีบตันก็อาจต้องเพิ่มน้ำมันปลา หรือ โอพีซี ในการก่อสร้างผนังหลอดเลือด กิงโกะหรือหลินจือก็อาจนำมาช่วยละลายเกล็ดเลือดในกรณีเลือดจับตัวเหนียวแน่น หรือหลอดเลือดไม่ขยาย
ยังมีกรณีอวัยวะเป้าหมายขาดปัจจัย เช่นการขาดแร่ธาตุสังกะสีอย่างรุนแรง ทำให้ต่อมลูกหมากทำงานสร้างน้ำเชื้ออสุจิมิได้
การกินยาลดไขมันไปกดการสร้างโคคิวเทน
ผู้มีความดันสูงก็ขาดโคคิวเทน หรือกรณีขาดแมกนีเซียม ก็ล้วนทำให้กล้ามเนื้อทำงานบกพร่อง ในผู้ป่วยอัมพาด อุบัติเหตุของไขสันหลัง ทำให้เส้นทางเดินของประสาทจากสมองสั่งการไปยังอวัยวะปลายทางถูกตัดขาด ย่อมไม่ได้ผลจากการใช้ชีวะโมเลกุล เว้นแต่มีการซ่อมแซมให้มีการเชื่อมต่อประสาทไขสันหลังได้เรียบร้อยก่อน
ยังมีภาวะของจิตใจที่สำคัญเช่น ความเครียด วิตกกังวล ตื่นเต้น เบื่อหน่าย เป็นต้น ผู้ที่เครียดมากๆอาจสมควรเพื่อต่อมไพเนียลไปด้วย
ชีวโมเลกุลจึงไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ที่จะแก้ปัญหา ED ได้ทุกราย เช่นเดียวกันกับวิธีการรักษาอื่นๆ ขึ้นอยากับสาเหตุและความรุนแรงของโรคทางกายด้วย
หน้าที่เข้าชม | 181,570 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 125,828 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 ต.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 ส.ค. 2568 |