การแพทย์ชีวโมเลกุล ตอนที่ 1
หลักการของการแพทย์ชีวโมเลกุล (Biomolecular medicine) คือเซลล์ ของสัตว์ สามารถนำไปซ่อมแซมเซลล์ของมนุษย์ตรงตามอวัยวะเดียวกันได้ เช่น เซลล์ตับไปซ่อมตับ เซลล์สมองไปซ่อมสมอง เซลล์หัวใจไปซ่อมหัวใจ เป็นต้น (มีการพิสูจน์โดยการใช้เซลล์อาบรังสี (Labeled cell) ในสัตว์ทดลอง เป็นที่ยอมรับทางวิขาการ
โดยพบว่าสัตว์ที่ยังไม่เกิด คือภาวะที่ยังคงอยู่ในท้อง (Umborned fetus) จะยังไม่ก่อปฏิกิริยาภูมิแพ้ อีกทั้งมีการสลายแยกนิวเคลียส และผนังหุ้มเซลล์ซึ่งอาจกระตุ้นภูมิคุ้มกันออกไปได้ ทำให้ไซโตพลาสซึมส่วนที่เหลือ เป็นเพียงส่วนของเซลล์ในรูป “xenogenic peptide” ซึ่งยังมี mRNA ที่สามารถจดจำอวัยวะของตนได้
เมื่อร่างกายได้รับชีวโมเลกุล (xenogenic peptide) กลุ่มอวัยวะใดไม่ว่าฉีดหรือกิน ก็จะมีการวิ่งไปซ่อมแซม เฉพาะอวัยวะนั้น ซึ่งอาจใช้เวลา 1-3 เดือน แต่จะพบผลตอบรับเบื้องต้น ที่รู้สึกว่าดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ดังนั้นหากใช้เซลล์องค์รวม คือ หลายอวัยวะรวมกัน ก็เป็นการบำรุง ซ่อมแซมเซลล์ทั่วร่างกาย เหมาะกับการบำรุงสุขภาพเป็นพื้นฐาน จากนั้นหากมีอวัยวะใดบกพร่อง เกิดโรคเฉพาะ ก็เพิ่มเซลล์ของอวัยวะนั้นเป็นพิเศษ ขบวนการเซลล์ซ่อมเซลล์นี้ เป็นขบวนการทางชีวภาพที่ปราศจากสารเคมี จึงมีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ไม่เคยพบอาการแพ้ เป็นการรักษาที่ต้นเหตุ คือ อวัยวะที่เสื่อมกลับฟื้นแข็งแรง ผลคือหายจากอาการผิดปกติ ทำให้ชีวิตยืนยาวอย่างสดชื่นสมบูรณ์ การแพทย์ชีวโมเลกุลจึงเป็นสุขภาพพื้นฐานที่สำคัญยิ่งยวด
เซลล์ที่ได้รับการซ่อมบำรุง จะกลับสู่สภาพเซลใหม่ที่สมบูรณ์แข็งแรง โดยสามารถแบ่งซ่อมตัวเองได้อีก 10-15 รอบ (วงจรชีวิตรอบละ 2 ปีหากได้อาหารที่สมบูรณ์ ปราศจากสารพิษทำลาย หรือ ถูกทำร้ายด้วยอุบัติเหตุจากภายนอก) แปลว่า ผู้เป็นโรคทุกอวัยวะ สามารถซ่อมได้ ไม่ว่าสมองเสื่อม พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ โรคข้อ กระดูกเนื้อเยื่อ เซลล์กล้ามเนื้อ คอลลาเจน โรคตับ ไต ม้าม หัวใจ ฯลฯ ด้วยหลักคิดง่ายๆในเบื้องต้นว่า ใช้เซลล์รวมบวกอวัยวะที่ป่วยอยู่ แปลว่าในกรณีชะลอชรานั้น การซ่อมบำรุงตั้งแต่อายุ 25 ย่อมคงความเป็นหนุ่มสาวสดใส ได้ยืนยาวกว่า ชัดเจนกว่าการใช้เมื่ออายุมากเกิน ดูเหมือนเหลือเชื่อ ลวงโลก แต่เป็นสิ่งที่ถูกค้นพบมากกว่า 70 ปีในหลักการพื้นฐาน แล้วการพัฒนาต่อยอด เทคนิคความปลอดภัย จนได้สิ่งที่นำมากล่าว ตลอดจนจดทะเบียนสิทธิบัตรไว้แล้ว
หลายท่านไม่กลัวตาย ไม่อยากอายุยืน แต่สิ่งที่ทุกคนไม่อยากพบคือการที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างพิกลพิการ ประสาทเสื่อม เดินเหินไม่ได้ เจ็บปวดโน่นนี่ แต่ไม่ตายสักที เป็นภาระเดือดร้อนลูกหลานผู้ใกล้ชิด ดังนั้นเป้าหมายสูงสุดคือ ให้เซลตายแบบ Apoptosis (คือ ตายแบบดับสวิทซ์ โดย gene ได้ตั้งโปรแกรมไว้แล้วเมื่อถึงเวลา เป็นการสิ้นอายุขัยของทุกอวัยวะพร้อมกัน จึงไม่ทนทุกข์ทรมาน ไม่ต่อสู้ดิ้นรน ทุรนทุราย หรือเป็นการละสังขาลในแบบผู้มีบุญนั่นเอง) ซึ่งน่าจะเป็นวิธีตายในอุดมคติ
ประวัติชีวโมเลกุล เริ่มเมื่อปี ค.ศ.1931 ศ.นพ.พอล นีฮาน ศัลยแพทย์ชาวสวิส ได้นำน้ำที่ได้จากการบดเซลล์ต่อมพาราไทรอยด์จากสัตว์ฉีดเข้าผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อกระตุกเกร็ง จนเข้าสู่ภาวะวิกฤติของชีวิต เนื่องจากถูกตัดต่อมพาราไทรอยด์ทิ้งไปโดยบังเอิญ จากการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ครั้งก่อนผลปรากฏว่าผู้ป่วยหายขาดจากโรคชักเกร็งได้ เขาเรียกการรักษาชนิดนี้ว่า Live cell therapy หลังจากนั้น การแพทย์ยุโรปโดยเฉพาะในเยอรมัน ก็ได้พัฒนา และพิสูจน์ได้ว่าน้ำที่ได้จากการบดเซลล์ตับก็จะไปซ่อมแซมตับ ทฤษฎีนี้เรียกใหม่ว่า cell Heal cell กลายเป็นที่ฮือฮาในกลุ่มบุคคลชั้นสูง ว่าแพทย์ ประสบผลสำเร็จในการรักษาโรคที่สิ้นหวังแล้ว และขยายผล มีการพัฒนาต่อยอดความรู้ด้านเทคโนโลยี การเตรียาผลิตภัณฑ์ตลอดมา แต่ยังไม่ถึงบุคคลทั่วไป เนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการรักษาแพงมหาศาล (มาถึงเวลานี้ ที่จัดว่าถูกลงมามาก ก็ยังคงต้องอ้าปากค้างในผู้คนส่วนใหญ่)
ชื่อเสียงของ Live cell therapy ในระยะเริ่มแรก โด่งดังเมื่อ นพ.พอล นีฮาน ตัดสินใจรับรักษาองค์สันตะปาปา Pius ที่ 2 ซึ่งป่วยหนัก หมดหนทางรักษาโดยแพทย์หลวงทั้งหลาย เมื่อวิธีเซลล์ถนอมเซลล์ ก็พลิกฟื้นคืนสภาพได้ ในยุคนั้น คนดังอย่าง ชาลี แชปปลิ้น,ประธานาธิบดีคอนราด อาดีนาว แห่งเยอรมัน,วินสตันเชอร์ชิล แห่งอังกฤษ,นายพลชาลส์ เดอโกล แห่งฝรั่นเศส,ดไวท์ไอเซนฮาว แห่งอเมริกา,องค์จักรพรรดิฮิโรฮิโต แห่งญี่ปุ่น,กษัตรย์ มอรอคโค,กษัตริย์ซาอุดิอาราเบีย,กษัตรย์ เยเมน ล้วนเป็นบุคคลที่เข้ารับการรักษาด้วย Cell Therapy ในเยอรมันมาแล้วทั้งสิ้น
ความยิ่งน่าเชื่อถือในการแพทย์ชีวโมเลกุลเกิดขึ้น เมื่อ ดร.โบลเบล ได้รับรางวัลโนเบล ด้านการแพทย์เกี่ยวกับ Peptide ใน ค.ศ.1999 (2542) แม้แต่ประเทศโรมาเนีย ต้นตำรับชะลอแก่ ก็เปลี่ยนมาใช้ชีวโมเลกุล เซลล์ซ่อมเซลล์ในปัจจุบันนี้
นายแพทย์เฉก ธนะศิริ ประธานมูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์แผนไทย และ “ชมรมอยู่ร้อยปี ชีวีเป็นสุข” ได้เขียนคำนิยม ยอมรับในความมหัศจรรย์ ตลอดจนผลการรักษา พญ.วิลิศ ภริยา ที่ต้องนั่งรถเข็ญ เป็นเดินเหินได้ ดร.นัยพินิจ คชภักดี ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและประสาท ม.มหิดล กล่าวว่าการใช้ยานั้นล้าสมัยเสียแล้ว โลกกำลังหันมาใช้เซลล์รักษาโรค หลายนายกรัฐมนตรีไทย และบุคคลที่อายุยืนยาวอย่างสง่างามก็ใช้บริการเซลล์ซ่อมเซลล์นี้
ในอเมริกาพึ่งฮือฮาเรื่องนี้ สเต็มเซลล์ ซึ่งยังคงอยู่ห่างไกลความสำเร็จในขณะที่เยอรมันซุ่มวิจัยเงียบๆมากว่า 70 ปี รัสเซียก็เริ่มหลังเยอรมันประมาณ 30 ปี ความล้ำหน้าที่ผู้วิจัยเยอรมันพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ใช้ได้ผลโดยไม่มีการแพ้ คือ เทคโนโลยีการลอกเอาเนื้อเยื่อบุเซล และ นิวเคลียส ออกหมดจนเหลือแต่ไซโตพลาสซึ่มที่เป็น Peptide และวิธีเลี้ยงสัตว์ในเขตปราศจากมลพิษอย่างพิถีพิถัน อีกทั้งเป็นแห่งเดียวที่รับประกันผลิตภัณฑ์ว่าปลอดเชื้อวัวบ้า สมญาที่ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับคือเป็น “Hope for the Hopeless” ทว่ามันจะมีประโยชน์อันใดที่ฟังว่าคนนั้นคนนี้หาย แต่เรากระเป๋าหาย
หน้าที่เข้าชม | 181,570 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 125,828 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 ต.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 ส.ค. 2568 |