การแพทย์ชีวโมเลกุล ตอนที่ 2
อันตรายมีไหม
ผลิตภัณฑ์ทำนองนี้เปรียบเสมือนพ่อครัวปรุงอาหารพิเศษ จึงเป็นเรื่องของต้นทุนธุรกิจ คือ อันตรายต่อกระเป๋าเงิน อยู่ทีว่าคุ้มค่อต่อการแก้ปัยหาไหม
แพ้หรือไม่นั้นไม่น่าเป็น เพราะมีการใช้เทคโนโลยีการผลิตเอานิวเคลียสและเยี่อหุ้มเซลล์ ซึ่งเป็นตัวที่อาจก่ออาการแพ้ออกไป การเลี้ยงสัตว์ในสถานที่พิเศษ ทำให้ปลอดจากเชื้อวัวบ้า ไม่มีผลกระทบ หรือ ไปขัดขวางการทำงานของยาอื่น ไม่มีผลส่งเสริมเซลล์มะเร็ง เพราะไม่ใช่อาหารหลักของเซลล์มะเร็ง ตรงข้ามกลับไปเสริมความแข็งแรงให้เซลล์ปกติมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น อาจมีข้อห้ามในผู้ป่วยโรคชัก ว่าห้ามให้เซลต่อมใต้สมอง เพราะอาจไปกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องได้
เข้าเป้า
ดูเหมือนเราได้ก้าวข้ามปัญหาความปลอดภัย จากพิษหรือผลข้างเคียงแทรกซ้อนจากผลิตภัณฑ์ไปแล้ว หากไม่นับเรื่องเป็นผลิตภัณฑ์จากลูกวัว อันต้องห้ามในมังสวิรัติขั้นเทพแล้ว ก็คงเหลือความเสี่ยงอยู่ประการเดียว …เสียเงินแล้วได้ผลตามคำคุยหรือไม่
สิ่งที่จะลดความเสี่ยงคือ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสรีระวิทยา ชีวเคมีทางการแพทย์ เพื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เซลล์ใดไปซ่อมอวัยวะใด หรือก็คือ ต้องแม่นว่าอวัยวะใดมีกลไกบทบาทหน้าที่หลั่งสารเคมี ฮอร์โมน ไปกระทบผู้ใดขาดเกินแล้วเกิดผลประการใด เช่น
ตับอ่อน เป็นผู้ผลิตอินซุลิน และน้ำย่อยไขมันในลำไส้ ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานจึงต้องการเน้นการซ่อมตับอ่อน ด้วยเซลล์สารสกัดจากตับอ่อน รวมถึงผู้ป่วยโรคเก๊าท์ กรดไหลย้อย ขาดน้ำย่อยไขมัน
ไต หากมีปัญหาของไตเสื่อมสมรรถนะ ปัสสาวะมีน้ำตาล โปรตีนไข่ขาว กรองสิ่งที่เป็นประโยชน์กลับคืนร่างกายไม่ได้ ก็ต้องซ่อมแซมไตด้วยเซลล์สารสกัดจากไต โดยเฉพาะภาวะที่ต้องล้างไตเป็นประจำ ชีวโมเลกุลก็เป็นความหวังของทางรอด หรือยกระดับคุณภาพของไต โดยคาดหวังว่า ยังพอมีเนื้อไตหลงเหลืออยู่พอให้ซ่อม แล้วกลับมาทำหน้าที่ได้
ไทมัส ทำหน้าที่คล้ายสถานเลี้ยงดูเซลล์ที (T-cell) ทำให้เซลล์ทีมีความจำเพาะแตกต่างกัน ต่อมไทมัสคล้ายกองบัญชาการ ซึ่งออกคำสั่งให้ทหารเหล่าต่างๆไปสู้รบ คือเป็นอวัยวะสำคัญเกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกัน เม็ดเลือดขาว ต่อมนี้ยังหลั่งโฮอร์โมนควบคุมระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย หากถูกโจมตีจากสารพิษจนผิดเพี้ยนไปก็อาจสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติเช่น ทึกทัก เนื้อเยื่อปกติ เป็นสิ่งแปลกปลอม เกิดเป็นภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (ภูมิเพี้ยน) เช่นเชื้อโรคของ ไมแอสทีเนียนแกรวิส สะเก็ตเงิน เอสแอลอี (โรคพุ่มพวง) รูมาตอยด์ ไธรอยด์ อ่อนเพลียรุนแรงเรื้อรัง (Fibromyalia)
ผู้ที่เจ็บป่วยออดแอ็ด เป็นหวัดง่าย ภูมิแพ้ทั้งหลาย ก็สันนิษฐานว่าเป็นปฏิกิริยาไวเกินของไทมัส แต่ไม่ว่าสภาพของไทมัสจะขาดตกบกพร่อง หรือไวกิน การซ่อมตัวด้วยชีวโมเลกุลก็เป็นการปรับสภาพสู่สมดุล
ผิวหนังและกล้ามเนื้อ ที่เหี่ยวย่น หย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ เซลลูไลท์ไขมันสะสม ขาดมวลกล้ามเนื้อ ก็ต้องการเซลล์ผิวเนื้อ ร่วมกับโกร์ทฮอร์โมน จากต่อมใต้สมอง และเอสโตรเจนจากรังไข่ไปบำรุง
ม้าม เป็นที่เก็บกักเลือด คอยกรองเม็ดเลือดแดงเป็นแหล่งผลิตและทำลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ ตลอดจนของเสีย สารพิษของร่างกาย และยังกระตุ้นเซลล์บี ให้สร้างแอนติบอดี้ให้ได้ปริมาณมากๆ อีกด้วย มักเสื่อมไปตามอายุ ก็ต้องการทะนุบำรุง
ตับ เป็นสุดยอดอวัยวะที่คงความสมดุลของกระบวนการชีวเคมีแลเอนไซม์ทั้งหลาย การกำจัดของเสีย การขจัดไขมัน โดยสร้างเป็นคลอเลสเตอร์รอล ส่งไปใช้งาน สร้างฮอร์โมนเพศ บำรุงสมอง สร้างน้ำดีย่อยไขมันในลำไส้ เอนโซม์ที่มากผิดปกติในโรคเก๊าท์ ฝ้าเรื้อรัง จุดด่างดำ ล้วนเกิดจากความบกพร้องของตับ ตลอดจนอัตราการเผาผลาญ สร้างพลังงาน ลดไขมัน ขจัดไขมันเลว คอเลสเตอร์รอลสูง ล้วนอยู่ในกระบวนการทำงานของตับ
อัณฑะ เป็นแหล่งผลิตฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน และอสุจิ…แน่นอนว่า หากบกพร้องไป ย่อมก่อปัญหาหย่อนสมรรถภาพ เชื้ออสุจิลดจำนวนลง
ต่อมหมวกไต เป็นแหล่งผลิตฮอร์โมนตอบรับหรือต่อต้านความเครียด ทั้งหลาย ดูเหมือนการเกิดภาวะเครียด ซึมเศร้า บ่งบอกความบกพร่องของต่อมหมวกไต อวัยวะนี้จึงเกี่ยวข้องครอบคลุมกับหลายๆ ปัญหาตั้งแต่ ไมเกรน ปวดท้องเมนส์ ภูมิเพี้ยน ความดัน เก๊าท์ นอนไม่หลับ กระดูกพรุน ฯลฯ คอร์ติโซลที่สูงไป ยังขัดขวางอินซูลิน ทำให้ดื้ออินซูลิน ผลคืออ้วน เบาหวาน การซ่อมแซมต่อมหมวกไตด้วยชีวโมเลกุล เป็นการปรับ (regulate) ต่อมหมวกไต ให้เข้าสู่ปกติ ไม่ว่าต่อมจะผลิตฮอร์โมนมากหรือน้อยไปก็ตาม
สมอง เป็นอวัยวะสั่งการ จำจำข้อมูลต่างๆ เมื่อเสื่อมไป ย่อมเกิดผลตามมาเช่น ขาดความรู้สึกทางเพศ (หย่อนสมรรถภาพ) ความจำเสื่อม พาร์กินสัน อัมพฤกษ์ อัมพาต การซ่อมเซลล์สมอง จึงเป็นคำตอบ
ต่อมไพเนียล หรือต่อมเม็ดสน เป็นผู้ผลิตซีโรโทนิน อันเป็นสารตั้งต้น ของเมลาโทนิน ช่วยในการนอนหลับ ซีโรโทนินยังเป็นสารแห่งความสุข ความคิด สร้างสรรค์ ไพเนียลที่ขาดตกบกพร้องเสื่อมสภาพไป น่าจะเป็นบ่อเกิดโรคซึมเศร้านอนไม่หลับได้อีกด้วย
ต่อมใต้สมอง เปรียบเสมือนกับตันทีมของต่อมต่างๆ เป็นผู้หลังฮอร์โมนหลายชนิดที่ไปกระตุ้น รังไข่ ไธรอยด์ อัณฑะให้สร้างฮอร์โมนเพศ กระตุ้นต่อมหมวกไต ให้สร้างสารสเตียรอยด์ ฮอร์โมนต้านความเครียด โกร์ทฮอร์โมน ฮอร์โมนแห่งความหนุ่มสาว จึงเกี่ยวข้องมากมายกับหลายปัญหาที่ต่อมใต้สมองเสื่อม หลังฮอร์โมนขาดตกบกพร่องไป เช่น ระดับผิดปกติไม่สม่ำเสมอ ของฮอร์โมนเอสโตรเจนจากรังไข่ ทำให้เกิดภาวะเก๊าท์ เซลลูไลท์วัยทอง กระดูกพรุน ต่อมน้ำนมไม่เจริญเท่าที่ควร (อกเล็ก) ประจำเดือนมาผิดปกติ ปวดท้องเมนส์ ไมเกรน
รังไข่ เป็นแหล่งผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยทำงานตอบรับต่อมใต้สมองปัญหาผิวบางลงในเซลลูไลท์ อก(ไม่) อึ๋ม ประจะเดือนผิดปกติ มีบุตรยาก กระดูกพรุน วัยทอง ล้วนต้องพึ่งพารังไข่เป็นองค์ประกอบ ร่วมกับอวัยวะเป้าหมาย
รังไข่กับต่อมใต้สมอง เป็นอาวุธสำคัญของการชะลอชราทั้งหลาย เหนือกว่าการฉีกโกร์ทฮอร์โมน หรือทาฮอร์โมนจากรกสัตว์ อีกทั้งปราศจากอันตรายจากสารก่อมะเร็ง ไม่เกิดการเสพติดเหมือนการฉีด เนื่องจากเป็นการผลิตฮอร์โมนจากแหล่งผลิตธรรมชาติ ไม่เกิดอาการขาดยาแล้วเหี่ยวย่นทันตาเห็น ทำให้สถาบันชะลอชราทั้งหลายเปลี่ยนจากการฉีดยาฮอร์โมน มาใช้เทคนิคเซลล์ซ่อมเซลล์กันทั่นหน้า แม้แต่โรมาเนีย ประเทศต้นตำรับชุบชีวิตชีวาอาศรม
หัวใจ นั้นเป็นแหล่งรวมของระบบเลือด กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด โรคหัวใจหลอดเลือด ความดันเลือดสูง ไมเกรน ตลอดจนริดสีดวงทวาร ก็น่าจะพิจารณาซ่อมแซมหลอดเลือดหัวใจ
อีกหนทางหนึ่งคือ วิเคราะห์ เจาะลึกจากพยาธิสภาพ กลไกการเกิดของแต่ละโรคโดยละเอียด แล้วนำมาเป็นพืนฐานแห่งการพึ่งตนเอง ลดความเสี่ยงให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ดังตัวอย่างเรื่องเบาหวาน หากนำชีวโมเลกุลไปใช้กับเบาหวานชนิดที่ไม่มีเซลล์ตับอ่อนมาแต่เด็กก็คงไม่ได้ผล เพราะไม่มีเซลล์เป้าหมายให้ซ่อม แล้วยังควรตระหนักว่า โรคเบาหวานให้ผู้ใหญ่นั้น นอกจากเป็นกับตับอ่อนแล้ว มันยังเกิดอันตรายกับตับและไต รวมถึงอวัยวะที่เกี่ยวข้อง เช่นหลอดเลือด สมองในระยะยาว จึงอาจต้องใช้เซลล์ของอีกหลายอวัยวะร่วมด้วยตามแต่เหตุปัจจัยในผู้นั้น
ภาวะนอนไม่หลับในผู้สูงอายุ หรือนอนหลับไม่ลึก หายใจติดขัดจากการกรน (Obstructive sleep apnea) ก่ออาการ “จิ๊กตื่น” ทำให้อ่อนเพลีย เสมือนนอนไม่พอ เมื่อใช้อวัยวะร่วม + เซลล์สมอง + ไพเนียล + ต่อมหมวกไตและกล้ามเนื้อ ก็มักตอบสนองด้วยดี ในขณะที่อาหารบำรุงเซลล์พื้นฐาน ได้แก่ DHA น้ำมันปลา แม็กนีเซียม โคลีน วิตามินบี เลซิทิน (มีในถั่วเหลือง) ตลอดจนสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ก็เป็นหน่วยสนับสนุนที่จำเป็น
ส่วนสภาวะสมองไม่แล่น ในหนุ่มสาววัยทำงาน หรือ “Office syndrome” เช่นเฉื่อยชา ไม่กล้าตัดสินใจ บอกไม่ได้ว่าทำไมไม่ทำ ผัดวันประกันพรุ่ง หงุดหงิด เครียดซึมเศร้า มักมีความบกพร่องที่สมองใหญ่ (cerebrum) ก็ควรใช้อวัยวะรวม + เซลล์สมอง + ต่อมใต้สมอง
ในกรณีต้องการผลตอบรับเร็ว เช่นจะเข้าห้องสอบแข่งขัน หรือ อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ต้องการให้สมองแล่น ผู้มีประสบการณ์ชีวโมเลกุลแนะนำให้นำด้วย “heavy dose” คือเซลล์สมอง + ต่อมใต้สมองอย่างละ 3 เม็ด (อมใต้ลิ้น) ก่อนเข้าสนามซัก 15-30 นาที
ก็ใช่ว่าจะได้ผล 100% กับทุกรายไป เพราะปัจจัยพื้นฐานที่รุนแรงกว่าก็อาจเป็นตัวขัดขวางได้ในบางคน อย่างไรก็ตามก็ดีกว่าการใช้ยากระตุ้นประสาททั้งหลาย ไม่เสพติด ไม่มีคาเฟอีน ไม่มีผลข้างเคียง หรือขัดกับยาที่ใช้ประจำ
ยกเว้นกรณีผู้ป่วยโรคชักอยู่ก่อน ที่ไม่ควรใช้เซลล์ต่อมใต้สมอง
หน้าที่เข้าชม | 181,570 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 125,828 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 ต.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 ส.ค. 2568 |